ศูนย์วิชาการ แฮปปี้โฮม
รวบรวมและเผยแพร่ ข้อมูลความรู้ทางวิชาการ ที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาเด็กและวัยรุ่น
รวมถึงการรับจัดฝึกอบรม สัมมนา กิจกรรมวิชาการ นิทรรศการเผยแพร่ความรู้
เพื่อเป็นการเรียนรู้ร่วมกันระหว่าง ผู้ปกครอง นักวิชาการ และประชาชนทั่วไปที่สนใจ
ประเภทของออทิสติก
Types of Autism Spectrum Disorder
นพ.ทวีศักดิ์ สิริรัตน์เรขา จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น
บทนำ
ออทิสติก (Autism Spectrum Disorder; ASD) เป็นความบกพร่องของพัฒนาการด้านสังคมและการสื่อความหมาย มีพฤติกรรม กิจกรรม และความสนใจ เป็นแบบแผนซ้ำ ๆ จำกัดเฉพาะบางเรื่อง และไม่ยืดหยุ่น โดยแต่ละคนมีลักษณะเฉพาะตัว แสดงอาการที่หลากหลายตั้งแต่ระดับน้อยไปจนถึงรุนแรง ซึ่งอาการเหล่านี้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ และการทำงานร่วมกับผู้อื่น
เกณฑ์การวินิจฉัยที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการแพทย์และจิตเวชคือเกณฑ์ DSM-5-TR (Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders, Fifth Edition, Text Revision) ซึ่งได้ยกเลิกการจำแนกประเภทของออทิสติกแบบดั้งเดิมที่เคยแบ่งแยกออกเป็นหลายประเภท เพื่อให้ครอบคลุมภาวะออทิสติกทั้งหมดภายใต้ชื่อเดียวคือ "Autism Spectrum Disorder" แม้ว่า DSM-5-TR จะไม่จำแนกประเภทย่อย แต่ในเชิงการศึกษาและการวิจัยยังคงมีการแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ อย่างหลากหลาย
บทความนี้จะกล่าวถึงประเภทต่างๆ ของออทิสติกตามลักษณะที่แตกต่างกัน ซึ่งเคยได้รับการจำแนกในวรรณกรรมทางการแพทย์และงานวิจัย เพื่อให้เกิดความเข้าใจในมิติต่างๆ ของออทิสติกได้ดียิ่งขึ้น
การจำแนกประเภทออทิสติกก่อนเกณฑ์ DSM-5
ก่อนการจัดหมวดหมู่ใหม่ใน DSM-5 เคยมีการจำแนกประเภทของออทิสติกออกเป็น 5 ประเภทใน DSM-IV ดังนี้
1. ออทิสติก (Autistic Disorder)
มีความบกพร่องทางสังคม การสื่อสารที่จำกัด และพฤติกรรมซ้ำๆ อาการมักปรากฏในช่วงวัยเด็ก โดยมีความบกพร่องอย่างชัดเจนในการใช้ชีวิตประจำวันและการเข้าสังคม
2. แอสเพอร์เกอร์ ซินโดรม (Asperger's Syndrome)
มีพฤติกรรมซ้ำๆ และความสนใจที่จำกัดคล้ายกับออทิสติก แต่มีการสื่อสารด้วยคำพูดที่พัฒนาได้ใกล้เคียงปกติ และมักมีระดับเชาวน์ปัญญาปกติหรือสูงกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม ยังมีความยากลำบากในการเข้าใจและตีความปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
3. พีดีดี เอ็นโอเอส (Pervasive Developmental Disorder-Not Otherwise Specified, PDD-NOS)
มีอาการออทิสติก แต่ไม่ครบตามเกณฑ์ของกลุ่มออทิสติกหรือแอสเพอร์เกอร์
4. ซีดีดี (Childhood Disintegrative Disorder; CDD)
มีพัฒนาการทางสังคมและการสื่อสารเป็นปกติในช่วงวัยเด็กเล็ก แต่จะสูญเสียความสามารถที่เคยมีไปหลังจากอายุประมาณ 2-4 ปี ซึ่งทำให้เกิดการบกพร่องที่รุนแรงในด้านสังคมและการสื่อสาร พบได้น้อยมาก
5. เร็ตต์ ซินโดรม (Rett Syndrome)
เป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้เฉพาะในเด็กหญิง มีพัฒนาการที่ปกติในช่วงแรก แต่ต่อมาจะสูญเสียทักษะทางสังคม การสื่อสาร และความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก โดยอาการหลักๆ จะรวมถึงการเคลื่อนไหวซ้ำๆ เช่น การบิดมือนิ้ว พบได้น้อยมาก
ประเภทของออทิสติกตามเกณฑ์ DSM-5
การปรับเกณฑ์ DSM-5 ในปี 2013 ได้นำการวินิจฉัยทุกประเภทมารวมอยู่ภายใต้ชื่อเดียว คือ "Autism Spectrum Disorder" โดยให้ความสำคัญกับการประเมินตามระดับความรุนแรงของอาการ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้
ระดับ 1 ต้องการความช่วยเหลือ (requiring support)
ออทิสติกในกลุ่มนี้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ด้วยความช่วยเหลือเพียงเล็กน้อย แต่อาจมีความยากลำบากในการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและการสื่อสาร
ระดับ 2 ต้องการความช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรม (requiring substantial support)
ออทิสติกในกลุ่มนี้มีปัญหาในการสื่อสารและการปฏิสัมพันธ์อย่างชัดเจน โดยต้องการความช่วยเหลือมากในการจัดการกับพฤติกรรมและการเข้าสังคม
ระดับ 3 ต้องการความช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรมอย่างมาก (requiring very substantial support)
ออทิสติกในกลุ่มนี้มีความบกพร่องทางสังคมและพฤติกรรมอย่างรุนแรง และไม่สามารถดูแลตัวเองได้โดยไม่ต้องการความช่วยเหลือจากบุคคลอื่น
ประเภทของออทิสติกตามงานวิจัยร่วมสมัย
แม้ว่า DSM-5 จะไม่จำแนกประเภทออทิสติกแบบเดิม งานวิจัยยังคงสำรวจลักษณะเฉพาะของผู้ป่วยในกลุ่มต่างๆ และมีการใช้คำจำกัดความหรือหมวดหมู่ที่หลากหลายในการศึกษา ดังนี้
1. ออทิสติกที่มีความสามารถสูง (high-functioning autism)
ออทิสติกในกลุ่มนี้มักมีระดับไอคิว (IQ) ปกติหรือสูง และสามารถใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงกับบุคคลทั่วไป อาการมักอยู่ในด้านการสื่อสารทางสังคมและพฤติกรรมซ้ำๆ แม้ว่าอาจสามารถเข้าใจและใช้ภาษาพูดได้ แต่ยังมีความยากลำบากในการตีความการสื่อสารด้วยอวัจนภาษา เช่น การแสดงสีหน้าหรือท่าทาง
2. ออทิสติกที่มีความบกพร่องทางเชาวน์ปัญญา (low-functioning autism)
ออทิสติกกลุ่มนี้มักมีระดับเชาวน์ปัญญาที่ต่ำกว่าเกณฑ์ และมีความบกพร่องในการสื่อสารอย่างมาก พฤติกรรมซ้ำๆ อาจมีความรุนแรงมากขึ้นและขัดขวางการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยต้องการความช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรมอย่างมาก
3. ออทิสติกที่มีลักษณะทางพันธุกรรมเฉพาะ (genetic-based autism)
พบความผิดปกติทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับออทิสติก เช่น Fragile X Syndrome และ Rett Syndrome ซึ่งเป็นโรคที่เชื่อมโยงกับออทิสติก และมีลักษณะเฉพาะตามสายพันธุกรรม
ประเภทของออทิสติกตามแบบ Lorna Wing และ Judith Gould
Lorna Wing และ Judith Gould เป็นผู้ที่มีบทบาทในการเสนอแนวคิด "Autism Spectrum" ในปี ค.ศ.1979 โดยพวกเขาเสนอว่าออทิสติกนั้นไม่ได้เป็นเพียงกลุ่มเดียวที่มีลักษณะเดียวกันทั้งหมด แต่มีความหลากหลายและซับซ้อนทางอาการ ที่ครอบคลุมตั้งแต่อาการเบาไปจนถึงอาการหนัก โดยอ้างอิงจากการสังเกตพฤติกรรมและความสามารถทางสังคม ได้จำแนกออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
1. แยกตัว (aloof)
กลุ่มนี้จะแสดงท่าทางหลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมอย่างชัดเจน ไม่สนใจผู้อื่น มีโลกส่วนตัวสูงมาก และอาจจะไม่ตอบสนองต่อความพยายามของผู้อื่นในการติดต่อสื่อสาร ไม่ตอบสนองเวลาเรียก ไม่สนใจเล่นหรือพูดคุยกับใคร มักพบได้ในออทิสติกที่มีอาการรุนแรง
2. นิ่งเฉย (passive)
กลุ่มนี้จะมีปฏิกิริยาเฉยชาต่อการติดต่อทางสังคม พวกเขาจะไม่เริ่มต้นการสนทนาหรือการปฏิสัมพันธ์ แต่จะตอบสนองต่อการเข้าหาของผู้อื่นได้บ้าง ไม่ชวนเพื่อนเล่นก่อน แต่ถ้าเพื่อนมาชวนก็เล่นด้วย
3. กระตือรือร้นแต่แปลก (active but odd)
กลุ่มนี้จะมีความกระตือรือร้นในการเข้าสังคมและติดต่อกับผู้อื่น แต่จะมีลักษณะที่แปลกหรือไม่เหมาะสม เช่น การพูดถึงหัวข้อที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสนทนา การใช้ท่าทางที่ผิดปกติ มักไม่ค่อยสบตาหรือจ้องมองมากเกินไป ขาดความเข้าใจในเรื่องการสื่อสารที่เหมาะสม
4. แข็งทื่อ (stilted)
กลุ่มนี้อาจสามารถใช้ภาษาและปฏิสัมพันธ์ทางสังคมได้ค่อนข้างดี แต่จะมีลักษณะพฤติกรรมที่เป็นแบบแผน ยึดติดกับรูปแบบมากเกินพอดี ขาดความยืดหยุ่น และไร้อารมณ์ เช่น การใช้ภาษาที่เป็นทางการเกินไป หรือการแสดงออกที่ไม่เข้ากับบริบททางสังคม
ผลกระทบ
การจำแนกประเภทของออทิสติก ช่วยให้ทีมสหวิชาชีพผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพจิตสามารถปรับการรักษา และการดูแลผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม
การเข้าใจความแตกต่างระหว่างประเภทของออทิสติก นำไปสู่การออกแบบการบำบัดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น พฤติกรรมบำบัด (Applied Behavior Analysis; ABA) สำหรับกลุ่มที่มีความบกพร่องทางเชาวน์ปัญญา หรือการฝึกทักษะทางสังคมสำหรับกลุ่มที่มีความสามารถทางเชาวน์ปัญญาแต่มีปัญหาในการเข้าสังคม
บทสรุป
ออทิสติกมีลักษณะความซับซ้อนและหลากหลายอย่างมาก การจำแนกประเภทออทิสติกช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และครอบครัวของออทิสติก สามารถเข้าใจในความหลากหลาย และวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพมากขึ้น
แม้ว่า DSM-5 จะรวมประเภทออทิสติกเป็นกลุ่มเดียว แต่การศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของออทิสติกยังคงเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนารูปแบบการบำบัด และการดูแลที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
เอกสารอ้างอิง
ทวีศักดิ์ สิริรัตน์เรขา. (2565). คู่มือการดูแล เด็กออทิสติก. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
American Psychiatric Association. (2022). Neurodevelopmental Disorders. In: Diagnostic and statistical manual of mental disorders 5th ed, text revision (DSM-5-TR). Washington DC: American Psychiatric Publishing; pp. 31-86.
Happé, F., & Frith, U. (2020). Annual research review: Looking back to look forward – changes in the concept of autism and implications for future research. J Child Psychol Psychiatry, 61(3), 218-32.
Howlin, P., Goode, S., Hutton, J., & Rutter, M. (2004). Savant skills in autism. Philos Trans R Soc Lond B Biol Sci, 364(1522), 1359-67.
Lord, C., Elsabbagh, M., Baird, G., & Veenstra-Vanderweele, J. (2018). Autism spectrum disorder. Lancet, 392(10146), 508-20.
Tager-Flusberg, H., & Joseph, R. M. (2003). Identifying neurocognitive phenotypes in autism. Philos Trans R Soc Lond B Biol Sci, 358(1430), 303-14.
Wing, L., & Gould, J. (1979). Severe impairments of social interaction and associated abnormalities in children: epidemiology and classification. J Autism Dev Disord, 9(1), 11-29.
บทความทั้งหมดยินดีให้นำไป เผยแพร่เพื่อความรู้ได้ โดยกรุณาอ้างอิงแหล่งที่มา
ทวีศักดิ์ สิริรัตน์เรขา. (2567). ประเภทของออทิสติก. จาก https://www.happyhomeclinic.com/au14-autism-type.html
(บทความต้นฉบับ: กันยายน 2567)
นพ.ทวีศักดิ์ สิริรัตน์เรขา
จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น
การศึกษา
· แพทยศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
· วุฒิบัตรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สาขาจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น (จุฬาฯ)